ยังมีลุ้นได้แชมป์อีกใบสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งหากแม้พวกเขาจะกระเด็นไม่เข้ารอบแปดกลุ่มถ้วย ยูโรปาลีก ไปแล้ว แต่ว่าข้างหลังบดกับ ไบรท์ตัน อย่างช้านานเต็มแม็กซ์ 120 นาทีในรอบตัดเชือก เอฟเอคัพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 เม.ย. พรรคพวก เร้ด เดวิลส์ ก็ดวลลูกโทษสยบ นกนางนวล ได้เสร็จ
ด้วยเหตุนั้น เกมชิงถ้วยน็อกเอาต์วันที่ 3 ไม่.ย.ก็เลยเป็นเกม แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ ซึ่ง ผีแดง แชมป์ เอฟเอคัพ 12 ยุคจะเปิดศึกกับ แมนฯ ซิตี้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ด้วยซึ่งเมื่อถึงวันนั้นแล้วไม่รู้จักว่า เรือใบสีฟ้า จะยังมีลุ้นคว้าทริปเปิ้ลแชมป์อีกหรือเปล่า

1. ผีข้างหลังทุพพลภาพได้ แรชฟอร์ด,มาร์กสิยาล ฟิต

แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาที่น่าห่วงในเกมรับเพราะว่า แฮร์รี่ แม็กแกว่งร์ ติดโทษแบน แถม ราฟาแอล วาราน กับ ลิซานโดร มาร์ติเตียนเนซ เดี้ยงอยู่ก่อนแล้ว ลุค ชอว์ ก็เลยโดนจับมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็นต้องอีกครั้งคู่กับ วิคโคนร์ ลินเดอเลิฟ

อย่างไรก็ตาม อ็องโตนี่ มาร์กสิยาล ที่เจ็บจากเกมบุกไปแพ้ เซบีคุณย่า 3-0 ไม่เข้ารอบแปดกลุ่มถ้วย ยูโรปาลีก คืนความฟิตออกสตาร์ตได้เหมือนกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในตอนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ติดโทษแบนเมื่อกึ่งกลางอาทิตย์ลงเล่นได้เช่นเดียวกัน

เทียบเคียงจากเกมบอลยุโรป ผีแดง ปรับกองทัพสามรายโดยมี ชอว์ , แฟร์นันด์ส และก็ แรชฟอร์ด ทิ่มแทน แม็กแกว่งร์ , มาร์เซล ซาบิตเซอร์ แล้วก็ เจดอน ซานโช่

เวลาเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างสถิติลงเล่นนัดหมายตัดเชือกถ้วยใบนี้มากยิ่งกว่าทุกชมรมรวมเป็นครั้งที่ 31 แล้ว รวมทั้งถ้าเกิดพวกเขากำชัยได้ก็จะทำสถิติทาบ อาร์เซน่อล ด้วยการเข้าชิงดำถ้วยน็อกเอาต์เป็นครั้งที่ 21

2. นกนางนวลปรับกองทัพสองจุด

ไบรท์ตัน ซึ่งฤดูกาลนี้ส่งผลงานที่น่าเคารพเปลี่ยนแปลงนักฟุตบอล 11 ตัวแรกรวมสองรายจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดหมายปัจจุบันที่พวกเขาบุกไปคว่ำ เชลซี 2-1

ดินแดนนี่ เวลเบ็ค สมัยก่อนแนวรุก อสุรกายแดง ได้ลงในสนามเพราะเหตุว่า อีแวน เฟอร์กูสัน เจ็บ ส่วนอีกราย องค์การอนามัยโลกลิโอ เอ็นสิโซ่ ตัวรุกขว้างรากวัยวัย 19 ปีที่ลุกจากม้านั่งข้างสนามไปทำประตูชัยล้ม สิงห์บลูส์ ได้ลงบู๊ก่อนหน้า โจเอล เวลท์มัน แผงหลังที่ไม่สมบูรณ์ รวมทั้งตกไปเป็นตัวสำรอง

3. เกมใกล้เคียงเป็นตายเสมอกัน

เห็นได้ชัดว่า ไบรท์ตัน ในสมัยของที่ปรึกษา โรกางร์โต้ เด แซร์บี้ ยกฐานะกลุ่มขึ้นมาได้อย่างแท้จริงแล้ว ไม่ใช่แค่ชั่วครู่หนึ่ง แถมพวกเขามีกลุ่มที่เท่ากันด้วยไม่ว่าจะเป็นเกมรับหรือเกมรุก

หาไม่แล้ว นกนางนวล คงจะมิได้ลุ้นคว้าชั้นไปเล่นถ้วยยุโรปแน่จากการรั้งชั้นแปดอยู่ในขณะนี้ แล้วก็ก่อนเกมที่ เวมบลีย์ ผู้สันทัดกรณีตลอดจนร้านค้ารับพนันพากันชูให้พวกเขาเหนือชั้นกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยซึ่งอาจเกิดขึ้นจาก ผีแดง เริ่มกระปลกกระเปลี้ยกระทั่งส่งผลงานที่ตกลงไปในตอนโค้งสุดท้ายข้างหลังลงเล่นอย่างถี่มากหลายรายการ ทั้งยังมีนักเตะนัดหมายกันเจ็บมากมาย

และก็จากที่มองเห็นใน 45 นาทีแรก ไบรท์ตัน ชี้ให้เห็นว่ามิได้ด้อยกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เลย แถมเหนือกว่าอย่างแจ่มแจ้งจากการครอบครองบอล 63:37% ถึงแม้จังหวะทำประตูจะด้อยกว่า 4:5 ครั้ง รวมทั้งจ่ายบอลเข้ากรอบได้น้อยกว่า 1:2 ครั้ง

4. เด เคอา กู้ชื่อเซฟแหลกต่อชะตาผี

กลับสู่ช่วงหลัง เหตุการณ์ของเกมยังไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไรนัก แต่ว่าที่แน่นอนเป็น ผีแดง โดนอาการอ่อนแรงทำร้ายจนกระทั่งก้าวขากันเกือบจะไม่ไหว

เพราะเหตุนี้ ดาบิด เด เคอา ก็เลยจะต้องโชว์ความหนึบเซฟกลุ่มมองเห็นๆถึงสามครั้งช่วยทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากการเสียประตูข้างหลังเจ้าตัวก่อข้อผิดพลาดในเกม ยูโรปาลีก แม้กระนั้นสามารถแก้ตัวได้ฉับพลันในเกมนี้

ครบ 90 นาทีซึ่งต่างก็ไม่บางทีอาจเอาชนะกันได้ในเกมที่สุดใกล้เคียงซึ่งประตูเดียวสามารถวินิจฉัยผลแพ้ชนะได้ ไบรท์ตัน ยังเหนือกว่ายกตัวอย่างเช่นเดิมในด้านของการครอบครองบอล 62:38% แล้วก็พลิกกลับมาได้โอกาสลูบคลำเป้ามากยิ่งกว่า 12:10 ครั้ง แม้กระนั้นทั้งสองฝ่ายจ่ายบอลเข้ากรอบได้เสมอกัน 4 คราวก่อนที่จำต้องอ่อนเพลียกันต่ออีกครึ่งชั่วโมงเพื่อหากลุ่มชนะเข้าไปชิงดำกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งแน่ๆว่าข้างหลังบดเกือกกันครบ 120 นาทีโดยคำตอบจบลงแบบไม่มีสกอร์ เกมยังคงใกล้เคียงโดยต่างก็ได้โอกาสส่องยิงเสมอกัน 15 ครั้ง แม้กระนั้น ผีแดง จ่ายบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 6:5 ครั้ง แม้ว่าจะครอบครองบอลด้อยกว่าอย่างเดิม 61:39%

5. อาถรรพณ์ยังคงอยู่

สุดท้าย ไบรท์ตัน ก็โดนอาถรรพณ์ของสนาม เวมบลีย์ ตามรบกวนอีกจนได้แม้ว่าจะได้เป็นข้างยิงลูกโทษก่อนซึ่งนับว่าเป็นต่อ แล้วก็พวกเขาปฏิบัติภารกิจกันได้อย่างดีเยี่ยม

เวลาเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยพึ่ง เด เคอา ได้อยู่แล้วถ้าหากเกมล่วงมาถึงการดวลลูกโทษวินิจฉัย แม้กระนั้นนายทัพ ผีแดง โชว์ลูกนิ่งไล่ยิงตีเสมอคู่ปรปักษ์ได้ตลอดจนจำเป็นต้องอาศัยการวินิจฉัยด้วยซัดเด้นเดธ

ถึงนี้ ปรากฏว่า ซอลลี่ มาร์ช พลาดยิงโด่งผ่านคานโดยที่ เด เคอา มิได้เซฟอะไรก่อนที่จะ วิคโคนร์ ลินเดอเลิฟ จะซัดให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทะลุเข้าขิงได้เสร็จ แล้วก็มันทำให้บอล เอฟเอคัพ กำเนิดประวัติศาสตร์คนใหม่โดยทันทีเนื่องด้วยเป็นครั้งแรกในนัดหมายชิงดำรายการนี้ที่ ผีแดง กับ เรือใบสีฟ้า สองกลุ่มร่วมเมืองควรต้องฉกชิงโทรฟี้ที่โบราณที่สุดในโลกโดยความมีชัยที่มีต่อ ไบรท์ตัน ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นข้างได้เฮสำหรับการดวลลูกโทษบอลรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชมรมด้วยจากที่เคยอกหักมาก่อนหน้านี้ตลอดทั้งสี่ครั้ง

ยิ่งไปกว่านี้ ผีแดง ยังรักษาสถิติไม่แพ้ในฤดูกาลนี้ได้ถัดไปเป็นเกมที่ 17 แล้วถ้าพวกเขามีสามกองกลางลงเล่นพร้อมทั้งยัง กาเซมีโร่, แฟร์นันด์ส รวมทั้ง คริสเตียน เอริคบวงสรวง

ด้าน นกนางนวล ยังทำลายอาถรรพณ์ของ เวมบลีย์ มิได้เหมือนปกติเนื่องมาจากพวกเขาไม่เคยกำชัยในสังเวียนลำแข้งที่นี้ได้เลย รวมทั้งมันเริ่มมาตั้งแต่ครั้งบู๊กับ ผีแดง ในนัดหมายชิงดำถ้วย เอฟเอคัพ ปี 1983 แล้ว

ในเกมที่ว่าทั้งคู่กลุ่มเท่ากัน 2-2 แล้วก็ในสมัยนั้นซึ่งยังมีการเตะรีเพลย์แมตช์ปรากฏว่า ผีแดง ระเบิดฟอร์มเด็ดขยี้คู่ต่อสู้รายนี้ได้แบบหายห่วง 4-0 ซิวแชมป์ไปครอบครองตามระเบียบกฎเกณฑ์ รวมทั้งสิ้นจากการลงเล่นที่ เวมบลีย์ ห้าครั้ง กลุ่มจาก เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม รับประทานแห้วเรียบวุธจากผลงานเสมอหนึ่ง แพ้สี่

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufa